ประเทศไทยเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

บุริน อดุลวัฒนา ประธานกรรมการและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ สำนักวิจัยขอนแก่น (Kresearch) กล่าวว่า มีความกังวลเกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากการกำหนด GDP ลดลงอย่างมีความรู้สึก ทำให้เกิดความเสี่ยงในสงครามการค้า โดยมีนโยบายอัตราภาษี 2.0 ของทรัมป์ ทำให้การส่งออกของไทยหดตัว นายบุรินเน้นว่า นโยบายทันทีและการแก้ไขหนี้เป็นสิ่งจำเป็น เน้นการกระตุ้นการใช้จ่าย และลงทุนจากต่างประเทศ อุตสาหกรรมยานยนต์จะได้รับผลกระทบมาก ณ ปี 2568 โดยลดตัวลง 1% ของการผลิตอุตสาหกรรมไทย Kevalin Wangpichayasuk ว่า หากเกิดการสูงอัตราภาษี 10% หรือมากกว่า จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยลดการท่องเที่ยวด้วย สาธารณะ แรงงานเช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในบ้าน ยานยนต์เหล็ก และอลูมิเนียมมากและยานยนต์ มีผลกระทบต่อธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลาง และนักท่องเที่ยว ลดลง เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การเเปลี่ยนแปลงในการตั้งค่าของนักเดินทาง และอุปกรณ์ท่องเที่ยว อาจทำให้สสวกกระดการเศษฐกิจโลกที่ผันผวน และดูใหญ่ขึ้น ธุรกิจ จะเผชิญกับความท้าทายในการรักษาอัตรากำไรและการใช้จ่าย ลดลงได้ในขณะที่การผลิตมีน้ำหนักกิจกรรมต่อไปUneasiness is expressed by Burin Adulwattana, the CEO and chief economist at Kasikorn Research Center (KRESEARCH), about Thailand’s economic prospects, with a predicted 2.4% decrease in GDP in 2568, due to the country’s weak economic position and increased trade war risks. The 2.0 tariff policy of Trump threatens Thailand’s exports by contracting GDP, especially affecting key industries like electronics and automotive. While the informal economy continues to expand, integration with the formal sector is crucial for sustainable economic growth. Immediate policy action and debt alleviation measures are urged to stimulate consumption and attract foreign investment to boost GDP. Despite overall economic slowdown, the informal economy continues to expand, with Trump’s “Tax 2.0” policy potentially reducing Thailand’s industrial output by 1% in 2568. The automotive industry globally is affected by increased competition, leading to lower vehicle prices. Japan, Germany, and South Korea are expected to diversify their markets and invest in US production to mitigate tax impacts. Kevalin Wangpichayasuk, Deputy CEO of KResearch, warns that Trump’s tax could lead to a 1% contraction in Thailand’s industrial production in 2568, particularly impacting industries relying heavily on tourism such as electronics, household appliances, automotive, steel, and aluminum. Work hour reduction in production and factory closures affect medium and large businesses, with over 100 million baht in registered capital. Furthermore, the declining tourism sector is expected to lessen due to decreasing Chinese and Malaysian visitors and intensified competition. Changes in traveler preferences and the challenging global economic landscape hinder Thailand’s tourism market recovery. To boost the country’s economic momentum, focus on promoting lesser-known regions and investing in environmentally friendly initiatives are proposed. Economic growth may be limited in certain quarters, influenced by the high trade war base of the previous year and economic pressures. Enhanced financial policies and persistent supply chain disruptions are anticipated to continue affecting economic activities. Businesses may face challenges maintaining profit margins while consumer spending remains subdued amid rising inflation.

ภาพรวมของสถานการณ์

บุริน อดุลวัธนะ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ Kasikorn Research Center (KRESEARCH) ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยระบุว่ามุมมองทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง กล่าวคาดการณ์ว่า GDP จะลดลงถึง 2.4% ในปี 2568 โดยมีความเสี่ยงหลักเกี่ยวกับสงครามการค้าที่เพิ่มขึ้น

ความสำคัญของเรื่อง

นอกจากนี้ยังมีนโยบาย “อัตราภาษี 2.0” ของทรัมป์ที่มีความคุกคามต่อการส่งออกของไทย ด้วยการยุบตัวของ GDP ที่อาจเกิดขึ้นหากอัตราภาษีเกิน 10% ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสำคัญอย่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ นอกเหนือจากนั้น เศรษฐกิจนอกระบบกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่การบูรณาการเข้ากันกับภาคที่เป็นทางการมีความสำคัญต่อการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ผลกระทบและความสำคัญของนโยบาย

ผลกระทบของนโยบาย “ภาษี 2.0” ของโดนัลด์ทรัมป์อาจจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้น โดยคาดว่านโยบายนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากวันที่ 2 เมษายน นอกจากนี้ สงครามการค้าทั่วโลกยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก โดยมีการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นมากเกินไปและราคาที่ลดลง